0

รีวิว ขุนเขาเกาสมอง 7บทเรียนจิตวิทยา

อยากมีความสุข อยากพัฒนาตัวเอง ทำอย่างไรดี หนังสือ ขุนเขาเกาสมอง รีวิว มีคำตอบให้กับคุณครับ

ขุนเขาเกาสมอง เขียนโดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร มีผู้ติดตามYoutube กว่า 9แสนคน

เป็นหนังสือที่นำเสนอบทเรียนด้านจิตวิทยา ประกอบกับ หลักวิทยาศาตร์ พร้อมข้อคิด คติสอนใจจากพระพุทธศาสนา

ออกมาได้อย่างลงตัวทุกแง่มุม

โดยในบทความนี้ ผมจะมารีวิว ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

สรุป

→ ความสุขอยู่ในตัวเราตลอดเวลา

→ การคิดว่าถ้าเกิดกับคนที่เรารักจะทำยังไง จะช่วยให้เรามีเมตตาต่อผู้อื่นมากขึ้น

→ ไม่ใช่ทุกอย่างที่ดูดีจะดีกับเราเสมอไป

→ อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น

→ พิจารณาให้ดีว่า ความเกรงใจนั้นเกิดจาก การใส่ใจ หรือ ความกลัว

→ หากเรารู้จัก วางแผนอนาคต  พอเกิดปัญหาจริง ก็จะสามาถรับมือได้ทัน

เหมาะกับคนที่

→ อยากมีความสุข

→ อยากพัฒนาตัวเอง

→ อยากศึกษาจิตวิทยา

อ่านแล้วได้อะไร

→ ข้อคิดในการพัฒนาชีวิต

→ มีปัญญามากขึ้นจากการเข้าใจสมอง

หนังสือจะมีทั้งหมด 27บทเรียนด้านจิตวิทยาที่นำมาปรับใช้กับชีวิตได้ จะขอนำเสนอ7บทเรียนที่ผมคิดว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ในหนังสือยังจะมีภาพลวงตากว่า 27 ภาพให้เราได้ลองค้นหาคำตอบอีกด้วย

ขุนเขาเกาสมอง รีวิว

เนื้อหาโดยสังเขป

① เครื่องสังเคราะห์ความสุข

มีสารอยู่4 ชนิดที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข

1.โดฟามีน(สารสำเร็จ) จะพรั่งพรูเมื่อเราได้รับในสิ่งที่เราต้องการ เช่น อยากกินซีสเค้กแล้วได้กิน

2.เซโรโทนิน(สารสงบ) จะพรั่งพรูเมื่อเรารู้สึกสงบ สบาย เช่น เมื่อเรากำลังนั่งสมาธิ

3.ออกซิโทซิน (สารสัมพันธ์) จะพรั่งพรูอกมาเมื่อเรากำลังมีความรัก

4.เอนดอร์ฟิน(สารสำราญ) จะพรั่งพรูออกมาทุกครั้งที่เรากำลังมีความสุข

ทุกสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวเราตัวเราทำหน้าที่เพียงกระตุ้น สารความสุขในตัวเราเท่านั้น ไม่ได้มีสารแห่งความสุขใดๆอยู่กับมัน

ดังนั้น สรรพสิ่ง(สิ่งต่างๆ) + การปรุงแต่ง = ความสุข

พูดง่ายๆคือ ความสุขอยู่ในตัวเราตลอดเวลาครับ อยู่ที่ว่ามันจะออกมาจากอะไร(ตัวกระตุ้น)นั้นเองครับ

② ปรากฎการไทยมุง

มนุษย์เราเมื่อมีเหตุการณ์ไทยมุง หรือ คนมุงใดเกิดขึ้น เช่น มีคนนั่งจมกองเลือดอยู่ตรงเสาไฟ แล้วมีคนมามุง

จะเกิดปรากฏการที่เรียกว่า การกระจายความรับผิดชอบ หรือก็คือ เราจะรู้สึกว่าตัวเองมีความรับผิดชอบน้อยลง

ทางแก้ หากคุณต้องการให้ใครเข้าไปช่วยเหลือ ให้เจาะจง เรียกชื่อ เขาได้ยิ่งดี เพราะมันจะทำให้คนๆนั้นรู้สึกว่า เขาเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง

อย่ามัวรอให้คนอื่นเป็นฮีโร่ เพราะถ้าทุกคนคิดอย่างงั้นหมด ก็จะไม่มีใครลงมือทำอะไรเลย

ถ้าตัวเราไม่มีความสามารถพอ ให้ระบุตัวคนที่เราอยากให้ช่วยลงไปเลย

คิดดูว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไร  ทำให้เรามีเมตตาต่อคนที่เราไม่รู้จักมากขึ้น

③ วงกลมบมนิสัย

สมองของมนุษย์จะประเมินทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการเปรียบเทียบอยู่เสมอ

ถ้าเราเอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า เราอาจดูใหญ่โต

ถ้าเราเอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่ใหญ่กว่า เราอาจดูเล็ก

ดังนั้น อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น

หัวใจที่หยุดเทียบคือหัวใจที่หยุดทุกข์

④ จิตวิทยา บ่อนการพนัน

บ่อนการพนันมีวิธีที่ทำให้เราอยู่นาน และเสียเงินมากขึ้น โดยการ

ไม่มีหน้าต่าง และ นาฬิกา ทำให้ลืมเวลาและตกอยู่ในแสงสี

แสงไฟเป็นสีเหลืองนวล ทำให้นักพนันตกอยู่ในภวังค์

มีเครื่องดื่มและบาร์ตลอด24ชั่วโมง    เวลาเมา ทำให้สติสัมปัทฉัทยะลดลง

ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งเฉยๆ  ถ้าจะนั่ง จะต้องนั่งเล่นการพนัน

มีตู้เอทีเอม  เพื่อให้ใช้เงินกับการพนันได้ง่ายขึ้น

ใช้ความสวยงาม  เช่น เกมส์สลอตที่มีสีสันสวยงาม ทำให้สายตาไขว้เขว จนมองข้ามเงินที่ต้องเสียไป

ไม่ใช่ทุกอย่างที่ดูดีจะดีกับเราเสมอไป  เช่น  ของหวานที่ดูมีสีสัน สวยงาม เนื้อนุ่มๆติดมันยั่วน้ำลาย ก็อาจทำให้เป็น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และอื่นๆได้

⑤ ภัยของความเกรงใจ

ความเกรงใจมี2รูปแบบ

1.เกรงใจที่เกิดจากความใส่ใจ เช่น การไม่ส่งเสียงดังในห้องสมุด

2.ความเกรงใจที่เกิดจากความกลัว  เช่น การยอมรีบเงินเดือนหรือค่าตอบแทนน้อยๆ เพื่อให้ ตัวเอง ดู เป็นคนดี

ดังนั้นพิจารณาให้ดีว่า ความเกรงใจนั้นเกิดจาก การใส่ใจ หรือ ความกลัว

⑥ โลกร้อนแต่ทำไม ใจ(ยัง)เย็น

สมองของมนุษย์ทุกก้อนถูกออกแบบมาให้ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงแบบเฉียบพลัน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแบบช้าๆ ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหย

เช่น พอได้ยินข่าวโลกร้อน คนก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เพราะไม่ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน(คือร้อนทันที)

แต่ถ้ามีแมลงบินมาตรงหน้า เราก็จะเบี่ยงหน้าหนี(ฉับพลัน)

ดังนั้น หากเรารู้จัก วางแผนอนาคต และใส่ใจกับภัยที่ เคลื่อนตัวช้า แต่มีความแน่นอนสูง ให้มากขึ้น พอเกิดปัญหาจริง ก็จะสามาถรับมือได้ทันนั้นเอง

วิชาสำคัญที่สุดที่ไม่มีสอนในโรงเรียน

⑦ วิชานั้นคือ ศิลปะแห่งการฟัง

การฟังมี3ระดับ

ระดับ 1 เข้าหู รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร 

เหมือนการได้ยิน เสียงรอบตัว เช่น เสียงแอร์ เสียงนกร้อง

เช่น หากภรรยาพูดว่า ทำไมเดี๋ยวนี้คุณไม่ค่อยบอกรักฉันเลย  สามีที่ฟังแค่ระดับ 1 จะตอบว่า ผมก็บอกอยู่บ่อยๆคุณดันลืมเอง

ระดับ2 เข้าใจ  รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร

คือการให้อีกฝ่ายได้ เท ความอัดอั้นอยู่ในใจทั้งหมดออกมาก่อน แล้วเราจึงเติมเข้าไป(ให้คำปรึกษา) หลายๆคนจะฟังเพื่อตอบโต้ หรือก็คือ ไม่ฟังที่อีกฝ่ายพูดจนหมดเสียก่อน แล้วค่อยให้คำปรึกษา 

ระดับ3 เข้าถึง รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งต้องการอะไรอย่างแท้จริง

คือ การแทนตัวเราเข้าไปเป็นคนที่เรากำลังฟัง เพื่อมองและสัมผัสโลกในแบบของเขาโดยสมบูรณ์  หรือก็คือ การฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็น

ความคิดเห็นส่วนตัว

ผมคิดว่า หนังสือเล่มนี้นำเสนอได้หลากแง่มุมมาก ทั้งวิทยาศาสตร์และคำสอนจากศาสนาพุทธ ซึ่งทำให้ผมเข้าใจแง่มุมทั้งทางโลก และทางธรรม

บางเรื่องที่เราไม่คิดว่าใกล้ตัวเรา ผู้เขียนนำเสนอให้เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่น จิตวิทยา การพนัน (สิ่งที่ดูดีอาจไม่ดีกับเราเสมอไป) มาเปรียบเทียบกับ การกินของหวาน อร่อยแต่ทำให้อ้วน ทำให้เราเข้าใจว่า หลายอย่างๆ แก่นของมันยังมีอะไรเหมือนกันอยู่

ผมชอบภาพลวงตาที่สอดแทรกในแต่ละบท ทำให้การอ่านเพลิดเพลิน และเป็นที่พักสายตาได้ดี

ถ้าจะถามว่ามีข้อเสียอะไรไหม ต้องบอกเลยว่าไม่มี คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องจิตวิทยาก็อ่านได้ครับ

สุดท้าย

เป็นอย่างไรบ้างครับ กับ รีวิว ขุนเขาเกาสมอง ต้องบอกว่า ตราบใดที่เราต้องใช้ชีวิต ออกไปเจอผู้คน จิตวิทยาถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ติดตัวไว้จริงๆ

และในหนังสือยังมีบทเรียนที่น่าสนใจอีกมากที่ผมไม่ได้พูดถึง ถ้าสนใจเชิญซื้อมาอ่านได้เลยครับ

บทความแนะนำ

รีวิว-สมองเศรษฐี-ขุนเขา-สินธุเสน-เขจรบุตร

สรุป-สมองทองคํา-หนังสือจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง-ขุนเขา-สินธุเสน-เขจรบุตร

สนใจ → ขุนเขาเกาสมอง