หนังสือ คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น 2 ตอบโจทย์คำเหล่านี้
ฉันอยากเป็นคนรวย ทำอย่างไรดี
คนรวย เขามีคิดกันอย่างไร
สวัสดีครับ ผมจี้ ในบทความนี้จะมาสรุป หนังสือ คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น 2 ของคุณ ฮอนดะ เคน
ในหนังสือจะเขียนเป็นแนวนิยาย ใจความหลักๆคือ 8ขั้นตอนสู่อิสระภาพทางการเงิน/ วิธีคิดเกี่ยวกับเงิน โดย เล่าผ่านเรื่องราวของนักศึกษาชาวญี่ปุ่น (ฮอนดะ เคน) ที่มีโอกาสได้ไปเรียนรู้เรื่องเงินกับนายธนาคารชาวยิวที่สวิตเซอร์แลนด์
เป็นหนังสือที่ถึงจะเป็นเรื่องเงิน แต่อ่านเพลินจริงๆครับ
สรุป
→ ทัศนคติต่อเงิน ส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา
→ เงินคือพลังงาน(แรงงาน/เวลา)
→ ลักษณะ3อย่างของเงินคือ แลกเปลี่ยนได้ เก็บรักษาได้ เพิ่มจำนวนได้
→ ความเชื่อที่ว่าเงินมีพลัง ทำให้เงินมีพลังมหาศาลขึ้นมาจริงๆ
เหมาะกับคนที่
→ อยากมีวิธีคิดแบบคนรวย
→ อยากเป็นอิสระทางการเงิน
→ ศึกษาเรื่องของเงิน การทำธุรกิจ การหารายได้ เป็นต้น
อ่านแล้วได้อะไร
→ รู้จักวิธีคิดแบบคนรวย และลงมือทำเพื่อสร้างผลลัพท์
→ เข้าใจเรื่องของเงินมากขึ้น
โดยจะสรุปเป็น 8 ขั้นตอนสู่อิสระภาพทางการเงิน
ไปอ่านกันได้เลย
คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น 2
สิ่งที่เราคิดกับเงินจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมที่เรามีกับเงินครับ
ความคิด → พฤติกรรม(การกระทำ) ฉนั้นต้องเปลี่ยนและพัฒนาความคิดให้ถูกต้องเสียก่อนหลายคนมีวิธีคิดกับเงินไม่ถูกต้องทำให้ถูกเงินควบคุม
นี่คือ8ขั้นตอน ที่จะเป็นอิสระจากเงิน
ขั้นตอนที่ 1 : ตระหนักรู้ว่ากำลังถูกเงินควบคุม (รับรู้)
การที่คุณจะตระหนักรู้ได้ว่าตัวเองกำลังถูกเงินควบคุมนั้น ก็ต้องเขียนสิ่งที่ตัวเองคิดกับเงินก่อนครับ เช่น
เงิน = พลังงาน(เงินได้มาด้วยการใช้แรง)
เงิน= อิสรภาพ(มีเวลา ทำในสิ่งที่ต้องการได้)
เงิน = ความรัก (ใช้เงินแสดงความรัก) เป็นต้น เงินสำหรับคุณคืออะไร? ตอนแรกที่ผมได้อ่าน
เงินสำหรับผมคือ อิสรภาพ(เลือกจะทำงานที่ตัวเองชอบ และมีเวลาทำอย่างอื่น)ครับวิธีที่เราคิดกับเงิน ก็จะสะท้อนพฤติกรรมของเราที่ผ่านและหลังจากนี้
ขั้นตอนที่2 : มองให้ออกว่ามีความสัมพันธ์กับเงินอย่างไร (วินิจฉัย)
ทำไมคนเราต้องการเงิน? คนเรามักเชื่อว่าเงินมีพลัง → ทำให้เงินมีพลังมหาศาลต่อคนจำนวนมากขึ้นมาจริงๆ
ถ้าคุณได้อ่าน โฮโมเซเปี้ยน มาก่อน จะพบว่า ผู้เขียนกล่าวคล้ายๆกับประโยคนี้เลยว่า เงินคือจินตนาการร่วมของมนุษย์ หรือก็คือ เราทุกคนคิดว่ามันมีค่า มันก็มีค่า (ถึงแม้จะเป็นกระดาษ)นั้นเองครับ
เงินมีความเกี่ยวพันกับทุกสิ่ง เช่น
เพื่อการดำเนินชีวิต เพราะเราต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บางคนถึงขั้นยึดคติว่า มีเงิน= มีชีวิต
เพื่ออำนาจ เหตุผลที่นักการเมืองยอมทุจริต ก็เพราะอยากได้อำนาจที่มาจากเงิน
สำหรับผม ผมคิดว่า เงินคือ เพื่อแสดงออกครับ แสดงออกว่าตัวเองให้คุณค่ากับอะไร เช่น ผมจ่ายเงินซื้อหนังสือ = ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ(แสดงออก) บางคนซื้อเสื้อผ้าแฟชั่น เขาก็แสดงออก ความเป็นถึงความตัวเองแล้วคุณล่ะคิดว่า เงินมีความสัมพันธ์ด้านไหนอีกบ้าง
ขั้นตอนที่3 เผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ในอดีตที่เคยมีกับเงิน
ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ เราอาจได้รับอิทธิพลเรื่องเงิน จากคนในครอบครัว หรือคนรอบตัวอื่นๆก็เป็นได้ เช่น พ่อแม่ สอนว่าอย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย / ประหยัด หรือแม้กระทั่ง สอนว่า คนมีเงินเยอะเป็นพวกไม่ดี เราก็อาจจะมีทัศนคติที่ว่า เงินเยอะ = ไม่ดี ก็ได้
ดังนั้น การจะเป็นคนประเภทไหนนั้นขึ้นอยู่กับนิสัยและทัศนคติเรื่องเงิน
คุณได้รับอิทธิพลต่อทัศนคติเรื่องเงินอย่างไรในวัยเด็ก และตอนนี้เป็นอย่างไร?
ขั้นตอนที่4 : สั่งสมความรู้เรื่องเงิน
เงินมีลักษณะเฉพาะอยู่3 ข้อ ได้แก่
1.แลกเปลี่ยนได้
คนสมัยก่อนจะนำสิ่งที่ตัวเองมี เช่น กล้วย ปลา ไปแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ บางครั้งคนที่อยากแลกเปลี่ยนด้วยเขาไม่ได้ต้องการสิ่งที่เรามี ทำให้การแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ก็ใช้เงินเป็นตัวกลางในแลกเปลี่ยนจึงสะดวกกว่า และเป็นที่มาของลักษณะเฉพาะของเงินนั้นเอง
2.เก็บรักษาได้
ถ้าเรามีปลาไว้สำหรับแลกเปลี่ยน เมื่อเวลาผ่านไปปลาก็จะเน่าและต้องทิ้งไปใช่ไหมครับ(รักษาไม่ได้) แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ เงินก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง (รักษาได้)
3.เพิ่มจำนวนได้
วิธีเพิ่มเงินมี2วิธี
1.วิธีเพิ่มเงินลงทุน คือ การนำเงินไปสร้างธุรกิจ เช่น ตั้งโรงงานหรือพัฒนาบริการใหม่ๆขึ้น
2.วิธีเพิ่มเงินแบบเก็งกำไร คือ การนำเงินไปซื้อของ ที่ดิน หรือหุ้นเพื่อเก็วกำไร
วิธีหาเงิน5 วิธี
1.รับมรดก
2.หางานทำ
3.ทำธุรกิจ
4.ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์
5.ลงทุนศึกษาเรื่องการจัดเก็บภาษีกับกฏหมาย คบหากับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
ขั้นตอนที่5 ขัดเกลาสัญชาตญาณ(ประสาทสัมผัส)เรื่องเงิน
เพื่อที่จะมีอิสภาพทางการเงินอย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ สัญชาตญาณ(ประสาทสัมผัส)เรื่องเงิน ครบทั้ง8ข้อนี้
1.รับ
คนที่กล้ารับเงิน คือคนที่มั่งคั่ง
2.เพลิดเพลิน
เงินเป็นสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลิน ถ้าเรารู้สึกเพลิดเพลินไปกับเงินจากใจจริง เราจะมีพลังดึงดูดเงินเข้าหา
3.รู้สึกขอบคุณ -รู้สึกขอบคุณที่มีเงินจ่าย -รู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายมอบสินค้าหรือบริการให้รู้สึกขอบคุณสิ่งดีๆที่เราทำให้คนอื่น และคนอื่นทำให้เรานั้นเองครับ
4.ทำให้คนอื่นรู้สึกยินดี
ใช้เงินเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกยินดี เช่น ให้ทิปกับพนักงาน ซื้อของขวัญวันเกิดให้คนในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องให้จนเราลำบากครับ
5.ปล่อยตัวไปตามกระแสในเวลาที่เหมาะสมโอกาสมากมายจะเข้ามาหา
6.ไว้วางใจ
ไว้วางใจในตัวเอง และคนรอบข้าง คุณจะมีความสุขและชีวิตที่มั่งคั่งผมคิดว่า เราควรไว้วางใจให้ถูกคนด้วยนะครับ
7.แบ่งปัน
เราจะมีความมั่งคั่งเมื่อแบ่งปันเงิน ข้อนี้ผมเห็นด้วยจริงๆครับ เช่น ยูทูปเบอ ทำวิดีโอให้ความรู้(แบ่งปัน) แล้วพอมีคนดูเยอะ ก็จะได้รับผลตอบแทนตามมา(เงินจากยอดวิว) ยิ่งให้ยิ่งได้รับ
8.บำบัด
ใช้เงินเพื่อบำบัดจิตใจผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกประทับใจ
จะเห็นว่า เรื่องของเงิน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเครียดเสมอไป คุณสามารถสร้างความสุขจากการเป็นผู้ให้ หรือผู้รับก็ได้ ครับ
ขั้นตอนที่6 ปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์กับเงินให้อยู่ในระดับปกติธรรมดา
5.เทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ
1.คาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากยังอยู่ในสภาพนี้ต่อไป
2.นึกภาพคนที่เป็นฮีโร่(คนที่เรานับถือ)ของเรา
ถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองและเจอกับอุปสรรค ลองจินตการถึงฮีโร่(คนที่เรานับถือ)ที่เราชอบ ว่าเขาจะทำอย่างไร ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา
3.นึกภาพตัวเองในแบบที่อยากเป็น แล้วซึมซับความรู้สึกด้านบวกจากภาพนั้น
เช่น นึกภาพว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจ ที่กำลังช่วยเหลือผู้คนอยู่ ก็ทำให้คุณรู้สึกมีพลังมากขึ้นครับ
4.คิดหาวิธีที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิต
คิดหาไอเดียและเขียนลงไป ทั้งเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้
5.เขียนรายการสิ่งที่สามารถทำได้ทันที
นำไอเดียที่คิดว่าทำได้ทันทีจากข้อ4. มาทำเป็นรายการที่ต้องลงมือทำ และทำทันที
เช่น ผมอยากเขียนบล๊อคให้ความรู้คน สิ่งที่ต้องทำคือ หาความรู้เรื่องการเปิดเว็บไซต์ วิธีสรุปหนังสือ เป็นต้น
จากนั้นเริ่มลงมือทำทันที
หลายๆครั้งที่เราไม่อยากทำ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเราตั้งเป้าหมายให้เล็กและทำทีละนิด(ก็ยังดี) มันก็จะต่อยอดเป็นการทำต่อเนื่องได้ครับ
ในหนังสือ Atomic habit ที่ผมสรุปไปก็พูดถึงการตั้งเป้าหมายสั้นๆเพื่อให้ลงมือทำ (กฏ2นาที) ครับ
ขั้นตอนที่7 เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจและการลงทุน หากอยากเป็นเศรษฐี
มีอยู่สองสิ่งที่เราต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั้นคือ ธุรกิจกับการลงทุน
หาเงินด้วยเงื่อนไข 6 ข้อ
1.ทำให้คนอื่นดีใจ
ถ้ามีคนมายืนต่อแถวตรงหน้าเราและยินดีเอาเงินมาให้ ก็เท่ากับว่าเราประสบความสำเร็จ
2.ทำให้คนจำนวนมากมีส่วนร่วมทำให้ลูกค้าเก่าช่วยพาลูกค้าใหม่มาให้
3.สร้างกระแสเงินถ้าไม่มีกระแสเงิน งานนั้นก็จะกลายเป็นงานอาสาสมัคร
4.สร้างธุรกิจที่ทำให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมมีความสุข
5.ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาอุดหนุนซ้ำ
ถ้าลูกค้าซื้อสินหรือบริการแค่ครั้งเดียว ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ เช่น ลูกค้ามาใช้บริการร้านซักรีดเป็นประจำ เพราะคุณภาพดี ราคาเหมาะสม
6.สร้างความประทับใจ ความรู้สึกขอบคุณ
จะเยียวยาจิตใจให้ลูกค้ารู้สึกว่า ถูกขนาดนี้เลยหรอ บริการขนาดนี้เลยหรอ
ผมคิดว่า พูดอีกนัยนึงคือ บริการเกินร้อยครับ
ขั้นตอนที่8 เข้าใจความหมายของเงิน
เงินคือพลังงาน แรงงาน คือ พลังงานชีวิต ที่เอามาแลกเปลี่ยนเป็นเงินซึ่งถือเป็นพลังงานเหมือนกันเช่น
เราทำงาน วันละ8ชั่วโมงได้เงิน 400บาท 1เดือน 12000บาท (ทำงาน21วัน ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์)นี้คือการเอาพลังงาน(แรงงาน / เวลา) มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินครับ
อนาคตของเงิน
ในโลกอนาคตเงินคงจะหมดความหมาย เพราะความคิดเรื่องการครอบครองเงินจะหายไป (ความจำเป็นของเงินจะค่อยๆลดลง ทำให้เงินไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนมากอยากได้อีกต่อไป)
ก่อนจะเข้าสู้ศตวรรษที่21 คงเกิดการปฏิวัติเทคโนโลยีมากมาย มนุษย์จะได้รับการปลดปล่อยจากการทำงาน อีกทั้งสนใจในเรื่อการเพลิดเพลินกับชีวิตมากกว่าการใช้ชีวิตไปวันๆหรือครอบครองสิ่งต่างๆ
ผมคิดว่า ถ้าเทคโนโลยี เข้ามาทำงานแทนคน เช่น ญี่ปุ่นมีเครื่องคิดเงินอัตโนมัติในเซเว่น จึงไม่จำเป็นต้องมีคนทำงานส่วนนั้นก็ได้ เราก็อาจจะไม่ต้องทำงานบางอย่าง แต่จะมีตัวเลือกอื่นๆให้เราได้สนุกกับมัน
สุดท้าย
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ สรุป คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น 2 แค่เปลี่ยนวิธีคิดการเงิน ก็นำไปสู่การลงมือทำเพื่อผลลัพท์ที่ดีขึ้นได้แล้ว
ขอย้ำอีกครั้งว่า สำหรับผม หนังสือเล่มนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเงิน แต่อ่านแล้วเพลินและได้แรงบันดาลใจจริงๆครับ เช่น
ประโยคที่บอกว่า เราต้องหากระแสเงินให้เจอ (คนๆหนึ่ง บริษัทหนึ่งมีเงินเข้ามาได้อย่างไร) ก็ทำให้เรามีเป้าหมายในการไปทำงานเพื่อศึกษาระบบ เพื่อนำมาปรับใช้ในธุรกิจได้
และ ประโยคที่ว่า คนที่ไม่รู้สึกว่ามีอิสรภาพทางการเงินถึงแม้ว่าจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ เขาก็ไม่หยุดกังวล ยิ่งตอบคำถามผมได้อย่างดีว่า ทำไมบางคนมีเงินมาก ยังกังวลอยู่
แล้วคุณล่ะ หลังจากอ่านสรุปแล้ว มีวิธีคิดเกี่ยวกับเงินอย่างไร
ในหนังสือ ยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่ผมประทับใจและไม่ได้นำมาเขียนสรุป สนใจเชิญทางด้านนี้เลยครับ
สนใจ → คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น 2